ปีนี้ญี่ปุ่นประสบกับสภาพอากาศที่ผิดปกติ ตรวจพบคลื่นความร้อนในหลายพื้นที่
ราวกับว่าทั้งปีเป็นฤดูร้อนเลยทีเดียว
ราวกับว่าทั้งปีเป็นฤดูร้อนเลยทีเดียว
แล้วไทยล่ะ ปีนี้อากาศจะเย็นลงไหมนะ (*´?`*)。o○
ดังนั้นเวลาออกไปนอกบ้านในช่วงอากาศเลวร้ายแบบนี้
หลายคนจึงเลือกที่จะใส่หมวก เพื่อป้องกันการเป็นลมแดด
หลายคนจึงเลือกที่จะใส่หมวก เพื่อป้องกันการเป็นลมแดด
อย่างไรก็ตาม ตามหัวข้อบทความเมื่อวานนี้เรื่อง
“รังสียูวี ศัตรูตัวร้ายของเส้นผม และหนังศีรษะ”
ผมจึงอยากจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง
รังสียูวี สุขภาพ และ หมวก
“รังสียูวี ศัตรูตัวร้ายของเส้นผม และหนังศีรษะ”
ผมจึงอยากจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง
รังสียูวี สุขภาพ และ หมวก
หลายคนทราบอยู่แล้วว่ารังสียูวีนั้น มาจากมลพิษทางอากาศ หรือ ช่องโหว่บนชั้นโอโซน
ซึ่งรังสียูวีจะมีความเข้มข้นขึ้นทุกปีๆ
หากเราได้รับรังสีในปริมาณมากๆแล้วล่ะก็ จะมีอาการผมร่วง และผมบาง
แล้วนอกจากนี้ล่ะ มีอาการอะไรที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกไหม
แล้วนอกจากนี้ล่ะ มีอาการอะไรที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกไหม
ลองมาดูกัน
อาการที่จะเกิดกับผิวหนัง
-สีผิวไม่สม่ำเสมอ(จุดด่าง)
-ริ้วรอย
-กระ
-มะเร็งผิวหนัง และอื่นๆ...
หากผิวหนังเกิดอาการดังข้างต้นแล้วล่ะก็ อาการอื่นๆที่จะตามมาก็คือ
ผิวคล้ำ
↓
เครื่องสำอางไม่ค่อยติดหน้า
↓
ดูแก่กว่าวัย
↓
เกิดความเครียด
↓
หันไปพึ่งพาเครื่องสำอาง/คลินิกเสริมความงาม/ศัลยกรรม ซึ่งสิ้นเปลืองทั้งเวลาและเงิน
↓
เครื่องสำอางไม่ค่อยติดหน้า
↓
ดูแก่กว่าวัย
↓
เกิดความเครียด
↓
หันไปพึ่งพาเครื่องสำอาง/คลินิกเสริมความงาม/ศัลยกรรม ซึ่งสิ้นเปลืองทั้งเวลาและเงิน
มีแต่ข้อเสียทั้งนั้น
“การใส่หมวกเวลาออกไปข้างนอก”
จึงเป็นทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ในแง่ของค่าใช้จ่ายราคาไม่แพงแถมยังได้สนุกกับแฟชั่นอีกด้วย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหมวกแบบไหนก็ได้หรอกนะ
ด้านล่างนี้คือข้อควรจำในการเลือกหมวก
◎เปรียบเทียบกันแล้ว หมวกที่ติดป้ายว่า “ช่วยป้องกันรังสียูวี”
จะมีอัตราการป้องกันรังสียูวีได้มากกว่าหมวกทั่วๆไป
◎หมวกสีเข้มกันรังสียูวีได้มากกว่าหมวกสีอ่อน (ถ้ามีสีขาวกับดำ สีดำจะดีกว่า)
◎หมวกที่เนื้อผ้าละเอียด(แน่น) กันรังสียูวีได้มากกว่า หมวกที่มีเนื้อผ้าหยาบ(มีช่องว่างเยอะ)
◎หมวกยิ่งหนา จะยิ่งกันรังสียูวีได้เยอะ
※แต่อย่างไรก็ตาม ให้จำไว้เสมอว่า
คุณภาพการป้องกันของหมวกที่ติดป้ายว่า”ป้องกันรังสียูวี”นั้น จะลดลงทันที่ที่คุณซักมัน
※ส่วนใบที่ไม่ได้ติดป้ายไว้นั้น คุณสามารถซักด้วยมือได้ เนื้อผ้าจะแน่นขึ้นหลังจากซัก
ทำให้ความสามารถในการป้องกันรังสียูวีเพิ่มขึ้นเช่นกัน(ดังที่กล่าวไว้ด้านบน)
แต่หลังจากซักไปแล้ว2ครั้ง ผลลัพธ์จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
แต่หลังจากซักไปแล้ว2ครั้ง ผลลัพธ์จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
เดือนนี้มีรังสียูวีเยอะที่สุดเลย!!
และอย่าลืมว่า ในวันที่มีเมฆมาก ก็ยังมีรังสียูวีถึง 60% ☆
การดูแลทั้งร่างกายและจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ
ผิวและผมที่สวยงามและได้รับการดูแลอย่างดี ช่วยสร้างความประทับใจที่ดีได้นะครับ
ผมจะดีใจมาก ถ้าได้เห็นทุกคนหันมาใส่หมวกในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น ☆ヾ(*´∀`*)ノ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น